2.5.3.3 ประโยชน์ของสมาธิ

ประโยชน์ของสมาธิความเสื่อมถอยของสมาธิ

ประโยชน์ของสมาธิ

  1. ประโยชน์ของสมาธิที่เป็นจุดมุ่งหมายตามหลักพระพุทธศาสนา คือ เพื่อสนับสนุนการใช้ปัญญา เนื่องจากสมาธิทำให้เกิดภาวะจิตที่เรียกว่า นุ่มนวล ควรแก่งาน
    ดังพุทธพจน์ “ผู้มีใจตั้งมั่นเป็นสมาธิ ย่อมรู้เห็นตามเป็นจริง” (เจตนาสูตร, 24/209)
  2. บรรลุภาวะที่จิตหลุดพ้นจากกิเลสชั่วคราว (ถ้าในขั้นฌาน ก็เรียกได้ว่าเป็น นิพพานโดยปริยาย คือ โดยเทียบคล้าย) ซึ่งความสุข สงบ อันประณีตลึกล้ำ ที่บังเกิดแก่ผู้เข้าถึง เป็นข้อมูลชั้นดีในการเจริญปัญญาเพื่อละกิเลสอย่างถอนรากถอนโคนในลำดับต่อไป
  3. ผู้สำเร็จสมาธิถึงขั้นอรูปฌาน บางคนได้อภิญญา
  4. ทำให้จิตใจผ่อนคลาย มีความสุข ผ่องใส เบิกบาน
  5. อาจใช้กำลังสมาธิระงับทุกขเวทนาไว้ในขณะเจ็บป่วย (ให้จิตไปจดจ่ออยู่กับอารมณ์กรรมฐานแทน)
  6. เป็นเครื่องเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน
  7. ทำให้ได้ภพวิเศษ คือ อานิสงส์ของสมาธิขั้นอัปปนา และฌานไม่ได้เสื่อมไปเสีย ทำให้ได้เกิดในพรหมโลก, สมาธิขั้นอุปจาร ทำให้ได้เกิดในกามาวจรสวรรค์

องค์ประกอบต่างๆที่ส่งเสริมสมาธิ

  1. ศีลเป็นฐานของสมาธิ โดยทำหน้าที่เป็นพื้นให้ เหมือนกับช่วยส่งผลอยู่ไกลๆ
  2. ความสุข เป็นปทัฏฐาน (เหตุใกล้) ของสมาธิ พึงกำหนดไว้เป็นข้อสังเกตสำคัญ เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดว่า สิ่งที่จะเรียกได้ว่าเป็นสมาธินั้น อย่างน้อยในขั้นต้น จะต้องมากับความสุข
  3. อินทรีย์ ประกอบด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา เป็นเครื่องวัดความพร้อม และบ่งชี้ความก้าวหน้าช้าหรือเร็วของบุคคล ในการปฏิบัติธรรม (มิใช่เฉพาะสำหรับการเจริญสมาธิเท่านั้น) ลำดับการเรียงอินทรีย์ทั้ง 5 อย่างนี้ เรียงตามความสำคัญ

ความเสื่อมถอยของสมาธิ ขึ้นต่อเหตุปัจจัยต่างๆ (ซึ่งมีความสัมพันธ์กัน) 3 พวก

  1. กิเลส : พวกที่ยังไม่ได้กำจัดให้หมดสิ้นไป
  2. ปัจจัยสนับสนุนอ่อนกำลังลง : เช่น ศรัทธา ฉันทะ ความเพียร เป็นต้น
  3. ปัจจัยแวดล้อมด้านร่างกายหรือวัตถุภายนอก : โรคภัยไข้เจ็บ ความไม่สะดวก ยากลำบากแร้นแค้น เป็นต้น